หลักการมนุษยสัมพันธ์
ความหมาย การเสริมสร้างความสัมพันธ์ อันดีระหว่างเรากับผู้อื่น เพื่อให้เกิดความร่วมมือร่วมใจในการปฎิบัติงานและอยู่ร่วมกันอย่างมความสุข
เนื่องจากใน การทำงานอุตสาหกรรม ต้องเกี่ยวข้องกับการแปรสภาพของวัตถุดิบให้เป็นผลผลิตทางอุตสากรรม โดยอาศัยปััจัยการผลิตด้านอื่นๆ มาช่วยเช่น ื คน เครื่องมือ เครื่องจักร เงินทุน เป็นต้น ดังนั้นการทำงานเป็นจำนวนมาก จึงต้องอาศัยหลัก มนุษยสัมพันธ์ ์
ความสำคัญของมนุษยสัมพันธ์ในงานอุตสาหกรรม
1.มนุษยสัมพันธ์ช่วยในการจูงใจให้บุคคลในองค์กรทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
2.มนุษยสัมพันธ์มีความสำคัญเพิ่มขึ้นเพราะเป็นหัวใจของการเพิ่มผลผลิต
3.มนุษยสัมพันธ์ของผู้บริหาร จะเป็นการลดช่องว่างระหว่างผู้บริหารกับพนักงานหรือสหภาพแรงงาน
4.มนุษยสัมพันธ์ช่วยให้บุคลากรในการปฏิบัติงานสื่อสารกันมีประสิทธิภาพมากขึ้น
6.การเปลี่ยนแปลงเจตคติของลูกจ้างถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้บริหาร ดังนั้นมนุษยสัมพันธ์เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยได้
7.เมื่อมีมนุษย์มากขึ้น ปัญหาระหว่างมนุษย์ก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว ความเข้าใจกันและการประสานงานกันย่อมช่วยลดปัญหาได้
8.ยิ่งค่าแรงเพิ่มขึ้น ค่าครองชีพเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลโดยตรงต่อผู้บริหารและพนักงาน สิ่งสำคัญคือจะสร้างความเข้าใจให้พนักงานทำงานได้คุ้มกับค่าแรงได้อย่างไร และผู้บริหารจะให้ความสนใจเรื่องสวัสดิการของพนักงานอย่างไร มนุษยสัมพันธ์หรือสัมพันธภาพจึงควรเกิดขึ้นระหว่างผู้บริหารกับพนักงาน
9.มนุษยสัมพันธ์ช่วยให้ทุกคนมีความเข้าใจการกระทำของกันและกัน และช่วยให้ทุกคนได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างเพื่อนมนุษย์ที่จะพึ่งพากัน
10.มนุษยสัมพันธ์ช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจถึงองค์ประกอบต่างๆเกี่ยวกับธรรมชาติของของมนุษย์ เช่น ความแตกต่างของแต่ละบุคคล ลักษณะงาน การปฏิสัมพันธ์ของบุคคล รวมทั้งสภาพแวดล้อมของการทำงานและสังคมของคนงาน
เทคนิคการสร้างมนุษยสัมพันธ์ในงานอุตสาหกรรม
ีวิธีสร้างมนุษยสัมพันธ์กับผู้ร่วมงานได้หลากหลาย ดังนี้
1.จูงใจให้ผู้ร่วมงานทำงานด้วยความขยันขันแข็ง จริงจังและจริงใจ
2.เข้าใจตนเอง ไม่หลงตนเอง ไม่ยกย่องตนเองมากเกินไป หากมีอะไรบกพร่องก็ต้องยอมรับและปรับปรุงพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
3.เข้าใจผู้ร่วมงานหรือบุคคลอื่น เนื่องจากบุคคลมีความแตกต่างกัน มีธรรมชาติของความต้องการแตกต่างกัน มีประวัติและประสบการณ์แตกต่างกัน แล้วพิจารณาดูว่าตนเองจะปรับตัวให้มีการติดต่อสัมพันธ์กับบุคคลนั้นๆได้อย่างไร
4.เข้าใจสภาพแวดล้อม คือการเรียนรู้ธรรมชาติของสภาพแวดล้อม และสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวเองหรือบุคคลอื่น เช่น สังคม วัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยม ซึ่งสิ่งแวดล้อมเหล่านี้มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวัน และมีส่วนที่จะช่วยเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์ได้ หากเรามีความรู้ความเข้าใจสภาพแวดล้อมของบุคคลนั้นๆ
5.สร้างความรู้สึกและสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานให้เกิดขึ้น เช่นความเป็นกันเอง ความสะดวกสบายและอื่นๆ
6.ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารกับผู้ร่วมงาน ด้วยการเข้าใจเขาเข้าใจเรา หรือเอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นเอง
7.เสริมสร้างเจตคติที่ดีต่อการทำงานของผู้ร่วมงาน
8.รู้จักพูดจา ทักทายผู้ร่วมงาน โดยใช้คำพูดที่ไพเราะอ่อนหวาน
9.ยิ้มแย้มแจ่มใสด้วยความจริงใจกับผู้ร่วมงาน เพราะการยิ้มเป็นเครื่องแสดงไมตรี และในขณะที่เรายิ้มนั้น เราใช้กล้ามเนื้อเพียง 17 ชิ้น แต่เวลาเราทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เราต้องใช้กล้ามเนื้อถึง 43 ชิ้น ดังนั้นจึงควรยิ้มเข้าไว้
10.พูดจาสุภาพ เหมาะสมกับเรื่อง บุคคล เวลา และสถานที่
11.รู้จักทั้งการเป็นผู้ให้และผู้รับ และมิใช่ให้รางวัลสิ่งของเงินทองเท่านั้น จะรวมทั้งให้ความเป็นกันเอง ให้ความสนใจ ให้ความเมตตากรุณาและอื่นๆ
12.รู้จักยกย่องชมเชยผู้ร่วมงาน
13.เป็นผู้ฟังที่ดีและรับฟังความคิดเห็นของผู้ร่วมงานอย่างมีเหตุผล นำเอาความคิดเห็นของผู้ร่วมงานมาประกอบการพิจารณาดำเนินงานต่อไป
14.เห็นอกเห็นใจผู้ร่วมงาน
15.ยอมรับความสามารถของผู้ร่วมงาน
16.จำชื่อผู้ร่วมงานและเรียกชื่อหรือทักทายให้ถูกต้อง เขาจะเกิดความภูมิใจและพอใจ
17.แสดงความเป็นกันเองและให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผู้ร่วมงานทุกคน
18.พูดและปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานด้วยความจริงใจทั้งสีหน้าและท่าทางโดยมิได้แสร้งทำ
19.ให้ความเมตตา กรุณา เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่ พยายามยกย่องมากกว่าที่จะติผู้ร่วมงาน ระมัดระวังในการวิพากษ์วิจารณ์ผู้ร่วมงาน มีไมตรีจิตและช่วยเหลือผู้ร่วมงาน
20.พร้อมที่จะให้บริการแก่ผู้ร่วมงานอยู่เสมอ มิใช่รอให้ผู้ร่วมงานมาบริการ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือสงเคราะห์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับทุกคน |